ครบรอบ 52 ปี อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว อุทยานลำดับที่ 5 ของประเทศไทย

4 พฤษภาคม 2567 ครบรอบ 52 ปี อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว อุทยานลำดับที่ 5 ของประเทศไทย ผืนป่าใหญ่แห่งเทือกเขาเพชรบูรณ์ ที่ขึ้นชื่อความหนาวเย็นสมชื่อ พื้นที่ล้วนเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งรวมทรัพยากรอันหลากหลายทางชีวภาพ และความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวอันหลากหลาย ปัจจุบันเป็น "อุทยานมรดกแห่งอาเซียน" ในโอกาสครบรอบ 52 ปี ขอนำเรื่องราว #กำเนิดอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว มาบอกเล่ากัน...
ผืนป่าอีสานตะวันตก คือ ผืนป่ารอยต่อระหว่างภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้รับการขนานนามมาตั้งแต่อดีตว่าเป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ตลอดจนพิษร้ายของไข้ป่าจนขึ้นชื่อว่า เป็นดินแดนป่าดงดิบอันกันดารอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย
ในปี พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ได้เสนอเรื่องการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติต่อคณะรัฐมนตรี โดยมี “ป่าน้ำหนาว” เป็นหนึ่งใน 14 ป่าแห่งแรกที่กระทรวงเกษตรได้เลือกเสนอให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ประกอบด้วย ป่าทุ่งแสลงหลวง ป่าภูกระดึง ป่าเขาใหญ่ ป่าเทือกเขาสลอบ ป่าดอยสุเทพ ป่าดอยอินทนนท์ ป่าดอยขุนตาล ป่าลานสาง ป่าเขาสระบาป ป่าเขาคิฌชกูฏ ป่าภูพาน ป่าเขาสามร้อยยอด และป่าเขาหลวง

กระทั่งในปี พ.ศ. 2502 จึงได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่ต่างๆ เป็นอุทยานแห่งชาติ โดยอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้รับการประกาศจัดตั้งให้เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย สำหรับอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวได้รับการประกาศ จัดตั้งให้เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2515 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 5 ของประเทศ รวมเนื้อที่ 966 ตารางกิโลเมตร หรือ 603,750 ไร่

ภายในพื้นที่ 966 ตารางกิโลเมตร ของอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวที่คาบเกี่ยว 2 จังหวัด คือครอบคลุมใน ท้องที่อำเภอเมือง อำเภอหล่มสัก และอำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ และอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ โดยกลางพื้นที่อุทยานแห่งชาติมีทางหลวงหมายเลข 12 พาดผ่าน ทำให้การเดินทางเข้าสู่ใจกลางพื้นที่อุทยานแห่งชาติเป็นไปได้อย่างสะดวกสบาย และง่ายต่อการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น
การได้รับการคุ้มครองในฐานะอุทยานแห่งชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 กระทั่งมาถึงวันนี้ ผืนป่าอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว มีการบริหารจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์อยู่ในกลุ่มป่าภูเขียว-น้ำหนาว อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าดงดิบเขา ป่าสนเขา ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรังที่เปลี่ยนสีงดงามยามเข้าสู่ฤดูแล้ง รวมถึงระบบนิเวศและความงดงามทางธรณีวิทยาอันโดดเด่น นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของพันธุ์พืชหายาก เช่น จำปีศรีเมืองไทย กระโถนพระฤๅษี สนสองใบ รุกขมรดกของแผ่นดิน และเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครองนานาชนิด ซึ่งมีคุณค่าคู่ควรแก่การอนุรักษ์อย่างสูง

อีกทั้ง ขึ้นชื่อความหนาวเย็นของสภาพอากาศ ซึ่งบางปีอุณหภูมิลดต่ำเลขหลักเดียวถึงติดลบ จนเกิดน้ำค้างแข็งบนยอดหญ้า ซึ่งเป็นสิ่งท้าทายให้นักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสความหนาวเย็นและเรียนรู้ความมหัศจรรย์ผ่านความงามของธรรมชาติ
มีแหล่งท่องเที่ยวและทิวทัศน์ที่สวยงามหลายแห่ง เช่น ชมพระอาทิตย์ตกที่ถ้ำผาหงส์ ชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่ภูค้อ ป่าเปลี่ยนสี สวนสนป่าแปก สวนสนภูกุ่มข้าว ถ้ำใหญ่น้ำหนาว และน้ำตกเหวทราย ตลอดจนกิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ กิจกรรมส่องสัตว์ กิจกรรมดูนก กิจกรรมดูผีเสื้อ กิจกรรมพักแรม และกิจกรรมค่ายเยาวชน
ข้อมูล : คู่มือท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช